ผมช่วงนี้ก็อยู่ในช่วงวุ่นกับลูก เหมือนกันม.6ไปมหาลัย และม.3ไปม.4)ปัญหาคือเวลาเปลี่ยนช่วงชั้น ลูกเราควรจะต้องรู้แค่ไหนจีงจะสามารถสอบเข้าเรียนต่อได้ ถ้ายึดถือตามหลักสูตรละก็ยากมาก ทำไมต้องตะเกียกตะกายเรียนห้องโครงการ หรือห้องท้อปสาย เพราะถ้าพ้นจากห้องเหล่านี้ไปแล้ว สภาวะแวดล้อม การเอาใจใส่จากครูลดน้อยถอยลงอย่างชัดเจน แล้วตอนนี้ที่เห็นก็คือ(จะเข้าม1 ห้องโครงกการ ข้อสอบที่เอามาสอบก็เกือบจบ ม.3แล้ว) เหนื่อยแท้เหลาแหะไม่ชอบพิมพ์ยาวๆ
ใช่ครับ ก่อนหน้านี้ผมสอนหนังสือลูกแค่ตามระดับชั้นเรียน อยู่ปอไหนก็สอนตามหนังสือปอนั้น พอย้ายไปเรียน ป6 อีกโรงเรียน ลูกได้ถูกคัดให้เป็นตัวแทนไปแข่งวิชาการด้านคณิตศาสตร์(เดิมตอนอยู่ที่โรงเรียนเดิม ลูกไม่ได้เป็นตัวแทนเนื่องจากเราไม่ได้และไม่เคยเรียนพิเศษกับครูในโรงเรียนที่สอน(ก็ผมสอนเองอยู่แล้วที่บ้าน) เด็กคนที่เรียนพิเศษจะได้เป็นตัวแทน) ผมจึงได้เห็นข้อสอบแข่งขัน ถึงได้รู้ว่า เค้าออกข้อสอบล่วงข้ามระดับไปถึงมอสาม ตามที่ท่านว่า นับตั้งแต่นั้นผมจึงเปลี่ยนแนวการเรียนของลูกใหม่ ให้เรียนล่วงไปเลยถ้าหัวข้อนั้นๆจะไปถึงมอปลายก็ตามให้ดูและเรียนไปเลย ซึ่งก็อาศัยคลิปสอนต่างๆที่หาได้ หาเจอตามเนท (ต้องขอขอบคุณเทคโนโลยีสมัยนี้) ลูกก็ใจเอา สู้ว้อยซ์ พัฒนาการดีขึ้นมาก สนามสอบไหนไปได้ผมและลูกตระเวณไปหมด ถึงแม้เราจะไม่ได้อันดับต้นๆก็ตาม แต่พัฒนาการขอดีขึ้นเรื่อยๆเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไป เรียนรู้จากความผิดพลาด แก้ไขกันไปเรื่อยๆ เลขTME ลูกได้รางวัลชมเชยและเป็นอันดับต้นๆของจังหวัด ได้เงิน 4,000บาท (เยอะมากเท่าที่เคยได้มา ส่วนมาก 200 ถึง400) TMC เข้ารอบสอง วันนี้ก็เพิ่งกลับจากากรสอบเลขนานาชาติรอบสอง
ตอนนี้ลูกอยู่มอ2 โครงการGIFTED การที่ได้เรียนตามโครงการนี้มีข้อดีคือ ได้เรียน ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ก่อนห้องทั่วไป ส่วนเรื่องครูผู้สอนที่ว่าได้เหนือกว่าห้องทั่วไป ที่ผมรับรู้มาในส่วนของลูกนั้น ไม่ชัดไม่แตกต่างเท่าไหร่หรอกครับ ข้อดีที่เห็นชัดผมว่า เป็นในเรื่องที่ลูกได้อยู่ในห้องที่มีสภาพแวดล้อมของเพื่อนๆในห้องด้วยกันที่มีการแข่งขันวิชาการกันค่อนข้างเข้ม และได้ผู้ปกครองที่เอาใจใส่ต่อลูกมาก ทำให้ตัวเด็กตื่นตัวอยู่ตลอด ไม่เฉื่อยในเรื่องการเรียน ทำให้ฮึกเหิมกระตือรือร้นในการค้นคว้าใฝ่รู้ อดทนต่อการเรียนการอ่านหนังสือ ได้ดี